ชมรมโอตาคุลพบุรี
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ

Go down

Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ Empty Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ

ตั้งหัวข้อ  aria Sun Mar 28, 2010 9:13 pm

นิยายเน่าของAdmin ที่ลงไว้ที่เด็กดีขอรับ

บทที่1 ตำนานเก่าแก่ของรัตติกาล


.......... นี่คือการร่ายรำของดาบ ชีวิต และโชคชะตา .........



ได้โปรด.....ถ้าฉันตาย ช่วยฝังฉันไว้ในที่ๆมีแสงจันทร์ทอประกายแสง เมื่อกาลเวลาผ่านไป ขอให้ฉันได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง.... คำเล่าขานของหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านนึงได้กลายเป็นบทเพลงร้องก้องกังวาน จนเป็นตำนานเล่าขานถึงหญิงสาวผู้กลายเป็นอมตะ.....


กระท่อมหลังน้อยตั้งอยู่แถบชานหมู่บ้าน มันถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะ สายลมหวิดหวิวของฤดูหนาวยังคงพัดผ่านมาอย่างที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่จะกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ ในบ้านอันแสนอบอุ่นที่ทั่วทั้งบ้านมีแต่กลิ่นดินและกลิ่นหอมของสมุนไพร บนเตียงนอนเล็กๆที่อยู่ข้างตัวผิง มีเด็กสาวผู้มีผมสีทองเป็นประกาย กับนัยน์ตาสีฟ้าสดใสกำลังยิ้มให้กับบุรุษผู้มีผมสีน้ำตาลแซมเทาที่บอกถึงริ้วรอยของผู้ผ่านโลกมามาก


“ พ่อคะ อีกไม่นานจะถึงฤดูใบไม้ผลิ ข้าอยากจะไปเก็บลูกเชอรี่เอามาทำแยมให้พ่อทานจัง “


“ ก็ดีสิ พ่อชอบมันมากเลย ล่ะ “ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นขณะที่นัยน์ตายังมีหยาดน้ำใสๆ เขากำลังพยายามยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเผือกของบุตรสาว ทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เมื่อรับรู้ว่า ลูกสาวของเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้


รอยยิ้มบางยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ซีดเผือก เธอมองออกไปทางหน้าต่าง ด้วยแววตาที่สิ้นหวัง



“ ถ้าข้า อยู่ถึงก็ดี .... “ คำพูดที่ออกมาราวกับรู้ถึงวาระสุดท้าย เสียงไอดังขึ้นจากร่างเล็ก ร่างเธอกระตุกก่อนจะกระอักออกมาเป็นเลือด ลมหายใจของเธอกำลังขาดช่วง พ่อรวบเธอขึ้นมาไว้แนบอก น้ำตาของหญิงสาวไหลริน




“ ท่านพ่อ ข้าไม่อยากตายเลย ข้าไม่อยากตาย “



เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นน้อยๆดังขึ้น ผู้เป็นพ่อรู้ดีว่าที่ผ่านมา ลูกสาวของเขาได้อดทนมาตลอด หยาดน้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลริน ลมหายใจดวงน้อยๆ หมดสิ้นไปเสียแล้ว....


พ่อกระฉับร่างเธอไว้แนบอก กระซิบกับร่างอันไร้ลมหายใจ อย่างแผ่วเบา



“ ลูกจะต้องไม่ตาย หลังจากนี้ไป ขอให้ลูกรับรู้ด้วยจิต หลังผ่านจากราตรีอันยาวนาน จะมีผู้ที่ถูกกำหนดให้มาเจอเจ้า จนกว่าจะถึงกาลนั้น ร่างของลูกจะไม่มีวันบุบสลาย ขอให้ลูกออกเดินทางไปกับเขา เพื่อตามหา มรกตแห่งอาฟส์ฮานมันจะทำให้ลูกกลับมามีชีวิตที่เป็นเลือดเนื้ออีกครั้ง.... “



..............................................................



ท่าเรือ วานาปาลล์



ผู้คนเดินกันพลุกพล่านในช่วงเวลาอันวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจเด็กหนุ่มร่างเล็กที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบโต ผมสีน้ำตาลซอยสั้นยุ่งเหยิง ใบหน้ารูปไข่ที่มีแว่นตากลมๆบทบังกว่าครึ่งหน้า กำลังทั้งลากทั้งจูงกระเป๋าอันใหญ่โตอย่างทุลักทุเล




“ ที่นี่นะเหรอ เมืองที่ถูกกล่าวถึงในเนื้อเพลง หมู่บ้านที่เป็นตำนานของราชีนีผู้เป็นอมตะ “ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแบบผืนดินเงยหน้ามองตึกสูงที่ตอนนี้ประดับประดาไปด้วยริบบิ้นหลากสี เขาเดินทางมาในช่วงที่เมืองกำลังจัดงานเทศกาลพอดี




“ เฮ้! อคอเรียส นายมาช่วยทางนี้บ้างเซ่! “ ร่างเล็กหันไปมองบุรุษอีกคนนึงที่กำลังหอบของอย่างทุลักทุเล ที่ประกอบด้วยเป้สะพายหลังและกระเป๋าที่ถ่วงแขนอีกสามใบ



“ ดาลัส ชั้นว่าถ้านายเสียตังค์อีกนิดหน่อยนายก็จะได้พนักงานมาถือกระเป๋าให้แล้วนะ “ นัยน์ตาสีแดงเหลือบมองร่างเล็กที่หิ้วกระเป๋า คิ้วขมวดกันเล็กน้อยกับความคิดของ อคอเรียส ใบหน้าเขากำลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ผมสีดำที่ตอนนี้มันชี้กันไปคนละทางอย่างไม่เป็นทรง แถมยังกำลังแบกกระเป๋าที่แสนจะหนักอึ้งนี่อีก แค่นี้เขาก็เหมือนพนักงานถือของจะแย่อยู่แล้ว ถ้าแต่งตัวโทรมกว่านี้อีกหน่อยละก็ใช่เลย


“ ไม่เอาเฟ้ย! ไม่มีตังค์ อคอเรียส แล้วเราจะพักกันที่ไหนดีฟะ มาช่วงวันงานแบบนี้โรงแรมคงเต็มหมดแหล่ะ “



“ หืม.....นายคงคิดว่า ชั้นจะไม่ได้ดำเนินเรื่องให้พร้อมสำหรับการมาที่นี่หรอกใช่ใหม “ ร่างเล็กหันมาหาดาลัส แย้มรอยยิ้มที่อีกฝ่ายเห็นแล้วขุนลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ ก่อนตอบกลับไปราวกลับไม่รู้สึกรู้สากับรอยยิ้มเมื่อครู่




“เออ! บางทีชั้นยังเสียวนายไม่หายเลย ที่คราวก่อนนายให้ไปกางเต้นท์ที่สุสานน่ะ “



“ ก็ตอนนั้น เรามีธุระที่จะต้องไปที่สุสานอยู่แล้ว ก็นอนพักมันที่นั่นซะเลยจะเป็นไรไป “ เจ้าตัวตอบพร้อมทำหน้าใสซื่อ ส่วนคนที่ได้ยินทำท่าอย่างขนพองสยองเกล้า



“ ไม่เอาแล้วเฟ้ย!! รู้ไหมตั้งแต่คราวนั้น ชั้นแทบไม่ได้นอนตั้งสองสามวัน ต้องมานั่งขนลุกทั้งคืน”



“ เออ พ่อคนกลัวผี คราวนี้เราพักโรงแรมกัน รีบๆขนสัมภาระของนายมาทางนี้ซะ “



ทั้งคู่เดินลากกระเป๋าผ่านฝูงชนที่คับครั่ง ไม่นานพวกเขาก็มายืนอยู่หน้าโรงแรมขนาดกลางที่สร้างด้วยไม้ อคอเรียส เดินลากกระเป๋าเข้าไปในโรงแรม เจ้าตัวหยิบกระดิ่งเรียกพนักงานที่หน้าเคาเตอร์ สั่นกระดิ่ง ซักพัก ก็มีชายร่างสูง ผมสีดำแซมขาวออกมาต้อนรับ



“สวัดดีครับ ผมชื่อ อคอเรียส ดาสซานท์ จองโรมแรมที่นี่ไว้ “ เจ้าพนักงานจ้องเขาอยู่ซักครู่ก่อนยิ้มให้



“อ้อ คุณน่ะเอง เดี๋ยวพวกกระผมจะนำสัมภาระเก็บให้ครับ ตอนนี้เจ้าของร้าน อยากพบคุณ ท่านรออยู่ที่ห้องรับรองแล้วครับ “ อคอเรียสพยักหน้ารับก่อนหันไปหา ดาลัส



“ ดาลัส เดี๋ยวนายขึ้นห้องไปก่อนแล้วกันฉันขอไปทักทายเจ้าของร้านก่อน”



“ชั้นไม่ต้องไปด้วยเหรอ? “



“ ไม่ต้องหรอก ชั้นไปแป๊ปเดียว นายไปเตรียมของให้เรียบร้อยก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวชั้นจะแนะนำให้นายรู้จักตอนเวลาอาหารค่ำ “



ร่างเล็กเดินเข้ามาในห้องที่บรรยากาศดูน่าอบอุ่น ผนังห้องถูกทาด้วยสีส้มครีมเข้ากับแสงสะท้อนของไฟในเตาผิง คู่สามีภรรยา นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกทั้งคู่ยิ้มให้ อคอเรียส ด้วยสายตาอ่อนโยน



“ ครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอกับพ่อ ชั้นยังจำได้ว่าตัวเธอเล็กขนาดยกได้ด้วยมือเดียว แต่พอมาเจออีกครั้งเธอก็กลายเป็นหนุ่มน้อยซะแล้ว เวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ “




“ ครับ”



“คุณพ่อเธอสบายดีไหม เธอทำให้เราแปลกใจนะเนี่ย ที่อยู่ๆก็มีการติดต่อที่พักจากเธอ ตอนแรกที่เราดูรายชื่อก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันรึเปล่าแต่พอดูเธอ ชั้นก็แน่ใจเลยว่าใช่ เธอคล้ายพ่อเธอนะ เอ้อ! ตายล่ะ ชั้นก็เผลอพูดมากอีกแล้ว เธอเดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนตามสบายนะ“ ชายชราพูดเหมือนหวนระลึกขึ้นได้ เขาสั่นกระดิ่งเรียกพนักงาน ให้พาเด็กหนุ่มไปที่พักรับรองข้างบน



“ ขอบคุณครับ คุณลุง “



“ไม่เป็นไร แต่พวกเธอมาช่วงงานเทศกาลพอดี ที่นี่คงจะยุ่งอยู่ซักนิด อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาอาหารค่ำ พวกเธอก็ลงมาทานอาหารกันก่อนละกัน แล้วค่อยไปเที่ยวงาน ประมาณช่วงดึกงานร่องเรือถึงจะเริ่ม นั่นน่ะ ไฮไลท์ของงานเชียวนะ “



“ ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ “



เสียงปิดประตูดังตามหลังมา ดาลัสซึ่งกำลังเอาสัมภาระออกจากกระเป๋าเงยหน้าขึ้นมอง



“ เมื่อกี้ ชั้นเห็นนายคุยกับลุงเจ้าของร้านด้วย เค้าเป็นอะไรกับแกฟะ? “ ดาลัสถามเขา



“ คนรู้จักของพ่อน่ะ รีบเตรียมตัวดีกว่า เดี๋ยวเราจะอาศัยช่วงล่องเรือเที่ยวงาน ไปหาสิ่งที่เราต้องการกัน“
aria
aria
Admin

จำนวนข้อความ : 70
Join date : 27/03/2010

http://otaku-lb.iowoi.org

ขึ้นไปข้างบน Go down

Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ Empty ..........

ตั้งหัวข้อ  aria Sun Mar 28, 2010 9:14 pm

ตอนที่ 2 หาสมบัติใต้แสงจันทร์


เนื้อตัวที่มีกลิ่นเหงื่อ บัดนี้หอมไปด้วยกลิ่นสบู่ ดาลัส รู้สึกสดชื่นพอที่จะลงไปหาอะไรยัดใส่ท้องแล้ว เจ้าตัวเดินผิวปากลงไปข้างล่างอย่างสบายอารมณ์ พายเนื้อนุ่มๆที่กัดคำแรกก็เหมือนละลายอยู่ในปาก กับซุปที่เคี่ยวไก่จนแทบไม่ต้องเสียเวลาเคี้ยวทำเอาเจ้าตัวชมแม่ครัวที่นี่ จนได้ของแถมเป็นไอศกรีมนมสดรสนุ่มอีกถ้วย อคอเรียส เดินลงมาข้างล่าง ร่างเล็กมอง ดาลัส ที่กำลังปากหวานกับแม่ค้าสาวใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าไปสมทบ

" คุณพี่สาวฮะ เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตำนานของเจ้าหญิงอมตะมั่งไหมฮะ" ดาลัสถาม เมื่อเห็นว่าลูกค้าของร้านเริ่มที่จะออกไปเที่ยวร่องเรือกันแล้ว


" เคยสิ แต่พวกเธอถามกันทำไมรึ? คงไม่ใช่ว่ามาตามหาสิ่งนี้กันหรอกนะ " หญิงวัยกลางคนเริ่มทำสีหน้ากังวล อคเรียสพูดขึ้นทันที



" เปล่าหรอกครับ แค่ผมเคยได้ยินว่ามันเป็นนิทานปรัมปราเก่าแก่ และที่นี่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องนี้ พวกผมก็เลยสนใจว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าเท่านั้นเอง" เมื่อได้ยินดังนั้นนัยน์ตาของหล่อนมองเด็กชายทั้งคู่ คนที่ตัวเล็กกว่าบุคลิคเงียบขรึมดูสุภาพ ส่วนอีกคนมีสีหน้ากระหายอยากรู้เต็มที่ เธอจึงสรุปเอาเองว่าพวกเขาแค่อยากรู้ตามประสาเด็กเท่านั้นเอง



" อ๋อ..... นั่นเป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมาช้านานแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจหรอกว่าที่ใหนเป็น ต้นกำเนิดของเรื่องเล่านี้ จริงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่เมืองของเราก็ได้ แต่ ตั้งแต่เริ่มมีข่าวลือว่าที่นี่เป็นต้นกำเนิดของเจ้าหญิงอมตะพวกล่าสมบัติจากทุกหนแห่งก็แห่กันเข้ามาในเมืองนี้ ทำให้เศรษกิจของเมืองดีขึ้นมากจากแต่ก่อนที่เป็นเมืองที่ไม่มีอะไรเลย "



" แล้ว.. อะไรทำให้พวกนั้นเชื่อว่าที่นี่มีเจ้าหญิงอมตะอยู่ล่ะฮะ " ดาลัสกระตุ้นให้หญิงสาวพูดต่อ



" คงจะเป็นเพราะเนื้อหากล่อมเด็กของที่นี่ล่ะมั้ง? อยากฟังใหมล่ะ " ดาลัสพยักหน้าหงึกๆ เจ้าหล่อนยิ้มแกมเอ็นดู ก่อนจะบอกเนื้อหาให้ฟัง



............. แด่หญิงสาวผู้หลับใหลมาตลอด



ใต้เงาแสงจันทร์ ประกายแห่งดวงดาว



ดวงวิญญาน มิวางวาย



เมื่อแสงจันทร์สาดต้องฟากฟ้า



หล่นมาสู่ดิน หยาดแห่งนิรันด์จะตื่นขึ้น



ขอให้เธอพาเราไปสู่ฟากฝัน



ขอให้เหล่าเด็กน้อยจงฝันดี..................






ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!



ผู้คนจดจ่ออยู่กับดอกไม้ไฟที่จุดพรุ่งพรวยกลางฟากฟ้า ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเรือลำเล็กที่กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้าม อาศัยความมืดของท้องน้ำ เป็นตัวพรางตา



" อคอเรียส นายแน่ใจนะว่าทางนี้ " ดาลัส พายเรือขณะมองไปด้านหน้าท้องน้ำอันมืดมิด ไม่มีอะไรให้เป็นที่สังเกตเลยว่าสิ่งที่เขาตามหาอยู่มีอยู่ที่นี่



" ตรงนี้แหล่ะ " ร่างเล็กพูดพร้อมทำมือบอกให้หยุดพาย



" นายพูดอะไรฟะ ตรงนี้มันท้องน้ำนะเฟ้ย อะไรที่ทำให้นายคิดว่าไอ้นั่นอยู่ที่นี่ "



" บทเพลงเมื่อกี้ไง ...แด่หญิงสาวผู้หลับใหลมาตลอด ... เขาใช่คำว่า "แด่ " ก็หมายความว่าคนคนนี้ ต้องเป็นคนที่รู้จักหรือมีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้อง ดังนั้นคำประโยคต่อไป ก็ต้องหมายถึงสถานที่ที่ร่างของเจ้าหญิงอมตะอยู่... "




" แล้วไงอ่ะ แค่นี้จะไปเข้าใจได้ยังไงฟะ ...ใต้เงาแสงจันทร์ ประกายฟากฟ้า.. ไม่ได้หมายความว่าร่างของยัยนี่ไปอยู่นอกอวกาศหรอกเรอะ!! " ร่างเล็กทำท่ากุมขมับ



" อ่านให้เคลียร์หน่อย ดาลัส ต่อจากประโยคนั้นมันมีคำใบ้บอกต่ออีกไม่ใช่เรอะ ...ดวงวิญญาน มิวางวาย เมื่อแสงจันทร์สาดต้องฟากฟ้า หล่นมาสู่ดิน... ตอนนี้เป็นคืนเดือนมืด แล้วนายคิดว่าอะไรคือแสงจันทร์ที่สาดต้องฟากฟ้า แถมยังร่วงได้ด้วย "




" พลุดอกไม้ไฟ !!? "




" ใช่!! "




" แต่มันก็แค่นั้น ในบทเพลงไม่ได้บอกถึงสถานที่ให้แน่ชัดอยู่ดี อีกอย่างตอนนี้นายคิดว่าเราอยู่ที่ไหน กลางแม่น้ำนะเฟ้ย!!! กลางแม่น้ำ! นายจะบอกว่าร่างของยัยเจ้าหญิงอะไรนั่นจะอยู่ในที่แบบนี้เรอะ!? ถ้าอยู่ที่นี่จริงมีหวังโดนปลาตอด จนเหลือแต่กระดูกแล้ว " อคอเรียส มองดู ดาลัส ที่เถียงไม่ยอมหยุด ทำเอาร่างเล็กถอนหายใจเฮือก




" ดาลัส นายไม่อยากลงน้ำก็บอกมาเหอะ " เจ้าตัวหยุดพูดชั่วครู่มองดูอารมณ์ของอีกฝ่ายก่อนพูดต่อ



" ท่อนสุดท้ายของเนื้อเพลงกล่าวถึง ..ขอให้เหล่าเด็กน้อยจงฝันดี.. คำสุดท้ายนี้ชาวบ้านไม่ได้ต่อเติมเองหรอก แม่น้ำที่เราพายเรือกันอยู่นี่ ชื่อ เบบี้ ดรีม และตรงนี้คือจุดที่ลึกที่สุด เราควรเริ่มหาจากตรงนี้ "




" นี่ นายคิดจะดำลงไปจริงๆเหรอ นายอยากตายรึไงฟะ! ที่ผ่านๆมาไม่เคยมีใครได้สิ่งนี้เลย แสดงว่าถ้าที่นี่ใช่จุดที่ๆบอกจริง ข้างใต้นี่ อาจจะมีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้าอยู่ก็ได้ แค่ลำพังดำน้ำลงไปก็แย่อยู่แล้ว ชั้นว่าเปลี่ยนใจหาใหม่เถอะ "




" ไม่ได้หรอก ที่แล้วๆมาสิ่งที่เราตามหาถึงแม่มันเป็นเพียงวัตถุที่ไม่มีชีวิตแต่มันก็เริ่มประติดประต่อกัน และคราวนี้ สิ่งที่กำลังจะไปหาคือคนที่อาจจะสามารถบอกเบาะแสที่เราต้องการได้ " พอถึงตรงนี้ ทั้งคู่หยุดมองกันและกัน นัยน์ตาสีแดงเพลิงมองแววตาที่มุ่งมั่นของอคอเรียส ก่อนยักไหล่ยอมแพ้



" เอาก็เอา ใหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ก็ลองดูมันซักตั้งก็แล้วกัน แต่ปัญหาอยู่ที่เราไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำพกติดตัวมาเลย อย่างมากเราก็ดำน้ำได้แค่ 5 นาที "




" รู้สึกว่านายไปแล้วนะว่าชั้นเป็นใคร? "



มนต์ตราร่ายออกมาจากริมฝีปาก แผ่เป็นตราวงเวทย์ขนาดใหญ่บนผืนน้ำสองแสงสว่างเรืองรอง อคอเรียส ตรึงเขตเวทมนต์ไว้เสร็จ ร่างเล็กหันมอง ดาลัส ที่ยืนพยุงตัวอยู่บนเรือที่โครงเครงไปด้วยคลื่น ก่อนถีบร่างสูงให้ร่วงลงน้ำแล้วโดดตามลงไป


ท่ามกลางแม่น้ำที่มืดมิด มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด ดาลัส พยายามที่จะ ตะเกียกตระกายขึ้นไปหาอากาศ แต่ความมืดนี้ทำให้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขากำลังดำลงหรือดำขึ้นกันแน่ พลันก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น เขาหันไปมองที่แสงนั้นก็เห็น อคอเรียส กำลังลอยอยู่ในน้ำโดยจ้องมองเขาอยู่




" นายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? " เสียงของ อคอเรียส ดังท่ามกลางสายน้ำที่ไหลริน มองท่าทางของ ดาลัส อย่าง งงๆ มีประกายขำขันอยู่ในดวงตา ที่เห็นเจ้าเพื่อนตัวแสบของเขาอุดจมูกพร้อมตะเกียกตระกายกลิ้งไปมาในน้ำ ร่างสูงเริ่มจับความขำขันนั้นได้ เจ้าตัวลองหายใจเอาน้ำเข้าไปในปอดแต่ปรากฏว่าไม่รู้อึดอัดแม้แต่น้อย เขาหายใจในน้ำได้!!?



" ทำไม นายไม่บอกชั้นก่อน " ดาลัส ถามเสียงเครียด อับอายที่เจ้าตัวเผลอเอ๋อให้เพื่อนเห็น แต่ ร่างเล็กยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้




" ก็.. นึกว่านายรู้แล้ว " คำตอบแบบขอไปที ของเจ้าตัวทำเอา ดาลัส ถึงก็พุ่งเข้ามาหา มือใหญ่ยึดผมของอคอเรียสไว้ก่อนจัดการขยี้ซะแหลกราน



" โอ้ยๆ พอแล้ว เจ้าบ้า " อคอเรียสร้องโวยวายแต่เจ้าตัวยิ่งขยี้ผมอคอเรียสหนักมือขึ้น กว่า ดาลัส จะพอใจ เล่นเอาผมเขาเกือบร่วงหมดทั้งหัว




" คราวหน้าถ้าทำอีก ชั้นจะจับถอนขนซะเลย " ร่างสูงพูดด้วยเสียงขู่แต่ อคอเรียสก็ยังทำยิ้มกลิ่ม ก่อนจะเริ่มดำน้ำลึกลงไปอีก ดาลัส ยังคงบ่นงึมงำแต่ก็ว่ายตามไป



เวลาเหมือนผ่านไปยาวนานเหลือเกิน สำหรับการดำน้ำในความมืดมิดแบบนี้ แม้จะมีแสงสว่างที่อคอรียสจุดด้วยเวทมนต์ยังคงส่องแสงอยู่ก็ตาม ในที่สุดพวกเขาก็ดำลงมาถึงพื้นดินก้นบึ้งของแม่น้ำจนได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นไม่อยากคิดเลยว่ามันใช่ก้นแม่น้ำจริงๆ แทนที่จะเป็นดินโคลนอย่างแม่น้ำทั่วไป กลับเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม มีป้ายบอกเส้นถนนหนทาง ถัดจากทุ่งหญ้ากว้างไกลคือสวนแอปเปิ้ลที่กำลังมีลูกสีแดงสด ทั้งที่ไม่ใช่ฤดูของมัน ดูราวกลับทุกอย่างถูกหยุดเวลาไว้ ... ดาลัส ว่ายน้ำตาม อคอเรียส สิ่งที่เห็นนั้นมันดูเหลือเชื่อ!! ฝูงปลาแหวกว่ายผ่านทุ่งหญ้า เหมือนโบยบินอยู่ในอากาศ ไม่มีสัตว์ประหลาด!? ไม่มีฝูงปีศาจ!? ไม่มีอะไรที่เหมือนที่เขาคิดก่อนจะลงมาที่นี่เลย แล้วทำไมเหล่าฮันเตอร์กับพวกล่าสมบัติ ถึงหาสิ่งนี้ไม่เจอ???


แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Thu Apr 01, 2010 8:41 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
aria
aria
Admin

จำนวนข้อความ : 70
Join date : 27/03/2010

http://otaku-lb.iowoi.org

ขึ้นไปข้างบน Go down

Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ Empty ด่านปราการ

ตั้งหัวข้อ  aria Sun Mar 28, 2010 9:16 pm

บทที่ 3 ด่านปราการ

ไม่นานเลยสำหรับคำตอบนี้ อยู่ๆธารน้ำใสก็เริ่มขุ่นมัวด้วยพายุใต้น้ำ มันพัดเอาดินตะกอนขึ้นมา พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย กระแสน้ำพัดโถมกระหน่ำเข้าใส่อย่างแรง พายุโคลนทำให้ทั้งคู่ถูกแยกจากกัน


" เฮ้! อคอเรียส นายยังอยู่แถวนี้รึเปล่า ทำอะไรซักอย่างสิ!" ดาลัสตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงของ อคอเรียส ตอบกลับมาเลย




" เฮ้ๆ!! อคอเรียสโว้ย...! ไอ้บ้า!! นายยังอยู่ใหมเนี่ย? " เขาตะโกนถามขึ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เจ้าตัวเริ่มกระวนกระวาย 'รึว่ามันจะถูกกระแสน้ำพัดไปแล้วฟะ?' อยู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บแป๊รบที่แขนข้างขวาขึ้นมา รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยตามกระแสน้ำ



" อึ้ก!!! " คราวนี้ความเจ็บปวดปรากฏที่ขาขวา เขาถูกอะไรซักอย่างเฉือนเนื้อออกมา แน่แล้ว!! ที่นี่นอกจากเขาแล้วยังมีบางสิ่งอยู่ด้วย เจ้าตัวเพ่งมองไปข้างหน้า ท่ามกลางแม่น้ำขุ่นมัว ไม่นานร่างปริศนาที่เล่นงานก็พุ่งเข้ามาอีก คราวนี้เขาไม่ยอมหลงกลอีกเป็นครั้งที่สอง ดาลัส หยิบตะขอที่พาดบ่า เหวี่ยงตะหวัดไปที่ร่างนั้นทันที เชือกหนารัดร่างเป้าหมายอย่างหนาแน่น มันส่งเสียงร้องเป็นคลื่นความถี่อย่างโหยหวน พลันคลื่นใต้น้ำที่ก่อก็ค่อยสลายไป ดาลัส เริ่มมองเห็น อคอเรียส ทั้งคู่อยู่ห่างกันคนละฟากน้ำ ร่างเล็กกำลังบริกรรมคาถา ไม่ห่างกันมีสัตว์ประหลาดที่มีลำตัวม่วงคล้ำ มีเฉพาะใบหน้าเท่านั้นที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ถูกเหล็กแหลมปักติดอยู่กับพื้นโคลน เขารู้สึกสยองเล็กๆ เจ้าตัวค่อยๆเหลือบไปมองสิ่งที่เขาจับได้ หวังว่ามันคงจะน่ารักกว่าตัวเมื่อกี้หน่อย แต่ดูเหมือนความหวังจะสูญเปล่า ลำตัวสีเขียวที่มีเนื้อม่วงๆปริออกมาจากเชือกที่มันดิ้น คลีบสีเขียวปนม่วงแผ่สยาย ใบหน้ามีเสน่ห์(?) ที่ผสมกันระหว่างปลากับมนุษย์ มันกำลังอ้าปากพะงาบๆพร้อมเปล่งเสียงคลื่นความถี่แหลมสูง



" ดาลัส !! หยุดเสียงนั่นซะ! มันกำลังเรียกพรรคพวกออกมา เร็วเข้า!!!! " ร่างเล็กตะโกน เขารีบสังหารตัวที่อยู่ตรงหน้าทันที แต่ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว มนุษย์เงือกนับสิบว่ายล้อมพวกเขา ดาลัส ชักมีดที่เหน็บขาออกมา นัยน์ตาสีแดงเลือดวาววับ รังสีสังหารแผ่ออกมา พวกมันได้กลิ่นความมืดความหมดหวังและความตาย มันเริ่มส่งเสียงร้องเรียกหากัน พวกมันเริ่มตวัดคมเล็บเข้าใส่ ดาลัส เขาไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่กลับจ้องมองพวกมัน ดาลัส มองพวกมันด้วยแววตาเยือกเย็น ริมฝีปากแสยะยิ้มด้วยความสุข สุขที่จะได้ฆ่า!! ความหวาดผวาเริ่มคุกคามเหล่ามนุษย์เงือก พวกมันรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ ว่าบุคคลนี้อันตราย มันส่งเสียงสื่อสารกัน แล้วแยกกันว่ายน้ำจากไป


" อ้าว! ไรว้า.... กะจะเอาจริงซะหน่อย " ร่างสูงบ่น เขากะจะเล่นกับพวกมันซักหน่อย แต่ดันเผ่นไปกันหมดแล้ว



" เสร็จธุระรึยัง? ดาลัส ไปกันต่อเถอะ ได้เรื่องแล้ว " ร่างเล็กว่ายเข้ามาหาเขา พร้อมบุ้ยบ้ายให้ว่ายตามไป



" อคอเรียส ไอ้ตัวเมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ "



" ผู้พิทักษ์น่ะ จะเรียกอย่างนั้นก็คงได้มั้ง?(- . -) รีบว่ายไปต่อเถอะ พ้นแหลมนั่นไปก็เจอแล้วล่ะ" มือเล็กๆชี้ไปที่แหลมหินที่ยื่นออกมาทางด้านนั้น ดาลัสมองตามไป แล้วหันมามองอคอเรียสอีกรอบ


" แล้วนายรู้ได้ไงอ่ะ? "



" ก็บอกแล้วไงว่าได้เรื่องแล้ว ชั้นไปเค้นถามกับสัตว์ประหลาดนั่นมาไงล่ะ แล้วมันก็บอกมา แต่.....เฮ้อ..! กว่ามันจะบอกได้ทำเอาชั้นขี้เกียจที่จะเรียกเลือดมันออกมาเลยล่ะ"



" เออ! ไอ้โหด งั้นไปต่อเถอะ " (-___-)



อคอเรียส ว่ายน้ำผ่านแหลมมา เป้าหมายเริ่มปรากฏรางเลือนเมื่อเห็นทางเข้า มันเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อย ส่องประกายแวววับสะท้อนแข่งกับน้ำ ร่างเล็กหยิบซากไม้เปื่อยที่พื้นขึ้นมา ก่อนจะจุดไฟด้วยเวทย์ เปลวไฟสีขาวลุกขึ้นที่ปลายไม้ก่อนจะส่งต่อให้กับดาลัส ร่างเล็กทำสัญญาณให้แยกย้ายกันไปหา



" อคอเรียส ชั้นได้กุ้งนางมาด้วยแหล่ะ..... (-__-Wink" ดาลัสพูดหลังจากวนสำรวจถ้ำดูรอบนึงแล้ว เขามองดูทุกซอกทุกมุมแล้วแต่กลับไม่มีอะไรที่น่าจะเบาะแสได้เลย ร่างเล็กไม่ตอบเขายังคงลอยคว้างไปมาในน้ำ หัวคิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด




" อาจมองข้ามสัญลักษณ์อะไรบางอย่างไปก็ได้ ที่นี่จมอยู่มากกว่า300 ปีแล้วนี่นา "




" ....แด่หญิงสาวผู้หลับใหลมาตลอด



แต้เงาแสงจันทร์ ประกายแห่งดวงดาว



ดวงวิญญาณ มิวางวาย


เมื่อแสงจันทร์สาดต้องฟากฟ้า



หล่นมาสู่ดิน หยาดแห่งนิรันตน์จะตื่นขึ้น



ขอให้เธอพาเราไปสู่ฟากฝัน



ขอให้เหล่าเด็กน้อยฝันดี.. "



อคอเรียส ทวนเนื้อเพลงอีกครั้ง บางทีเขาอาจมองข้ามบางอย่างไป ร่างเล็กยังคงนิ่งในสมองกำลังทบทวนเนื้อเพลงพร้อมใช้ความคิด ดาลัสมองอย่างเซ็งๆ มันหลุดไปอยู่อีกโลกนึงอีกแล้ว เจ้าตัวนึกพร้อมยักไหล่ 'เอาเถอะ! เรื่องใช้สมองเป็นงานของหมอนั่นเขาวนไปเก็บกุ้งนางอีกดีกว่า เผื่อจะได้ให้พี่สาวคนสวยช่วยทำอาหารอร่อยๆให้อีก' เขากำลังว่ายเก็บกุ้งใส่ย่ามตาข่าย อยู่ๆอคอเรียส ก็ตะโกนขึ้น



" ดาลัส !! เตรียมหาที่ยึดแล้วหลับตาซะ "



" อคอเรียส? เฮ้! เดี๋ยวนายคิดจะทำอะไร หว๋า!!!?" ร่างสูงแทบจะหาที่ยึดเกาะแทบไม่ทัน



สายลมก่อตัว ขึ้นกลางวงล้อมของสายน้ำ มันขยายวงกว้างขึ้นจนพัดทุกสิ่งทุกอย่างออกไป เกิดเป็นช่องว่างของน้ำ อคอเรียส ยืนอยู่กลางวงเวียนของสายลม ส่วนดาลัส ถูกกระแสลมยกตัวเขาลอยไปติดอยู่บนแง่งของเพดานถ้ำ



"อคอเรียส คราวหลังจะทำอะไรบอกแผนการก่อนซิฟะ " ดาลัสพูดพลางลูบผมของตัวเองที่ถูกสายลมพัดจนกระจุย สายลมอ่อนๆวนรอบร่างสูง เขาค่อยลอยลงมาจากเพดานถ้ำ พอถึงพื้น เจ้าตัวหัน มองอคอเรียสด้วยตาที่แทบถลนออกจากเบ้า ร่างเล็กที่เคยเล่นหัวด้วยหายไปแล้ว กลับกลายเป็นหญิงสาวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างที่ควรมี ยิ่งชุดที่ลู่เปียกน้ำแบบนี้มันเห็นไปถึงใหนต่อใหน ใบหน้าเด็กหนุ่มถึงกับร้อนผ่าวก่อนรีบหันหลังให้




" ไอ้บ้า อคอเรียส แกใช้พลังมากเกินจนกลายร่างแล้วนะเฟ้ย!! " ร่างเล็กได้ยินดังนั้นเจ้าตัวเลยหันมามองตัวเอง ใบหน้าหวานร้อนซู่ก่อนดึงผ้าเปียกมา กระชับร่างกายพร้อมร่ายเวทย์ความร้อน ทำให้เสื้อผ้าของทั้งคู่แห้ง อคอเรียสก่อกองไฟทำให้ถ้ำสว่างไสว ดาลัสมองอคอเรียสที่ยังคงอยู่ในร่างของหญิงสาวก่อนตัดสินใจพูดออกมา



" อคอเรียส ระยะเวลาในการคืนร่างนานกว่าเดิมแล้วใช่ใหม " นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตหันมองดาลัส เขาหยั่งมองอยู่ซักครู่ก่อนพยักหน้ารับ



" ใช่ ตอนนี้กินเวลาในคืนร่างประมาณเกือบห้านาที เวลาของเราทั้งคู่น้อยลงไปทุกทีแล้ว " นัยน์สีเขียวมรกตหมองหลง ดาลัสลุกยืนเขามองไปทางอคอเรียสที่เริ่มกลับสู่สภาพเดิม



" งั้นก็ต้องรีบหาเจ้าหญิงอมตะอะไรนั่นให้เจอก่อนล่ะ ว่าแต่.....เมื่อกี๊นายทำบ้าอะไรฟะ!? "



" ใช่ ตอนนี้กินเวลาในคืนร่างประมาณเกือบห้านาที เวลาของเราทั้งคู่น้อยลงไปทุกทีแล้ว " นัยน์สีเขียวมรกตหมองหลง ดาลัสลุกยืนเขามองไปทางอคอเรียสที่เริ่มกลับสู่สภาพเดิม



" งั้นก็ต้องรีบหาเจ้าหญิงอมตะอะไรนั่นให้เจอก่อนล่ะ ว่าแต่.....เมื่อกี๊นายทำบ้าอะไรฟะ!? "




" ใช่ ตอนนี้กินเวลาในคืนร่างประมาณเกือบห้านาที เวลาของเราทั้งคู่น้อยลงไปทุกทีแล้ว " นัยน์สีเขียวมรกตหมองหลง ดาลัสลุกยืนเขามองไปทางอคอเรียสที่เริ่มกลับสู่สภาพเดิม




" งั้นก็ต้องรีบหาเจ้าหญิงอมตะอะไรนั่นให้เจอก่อนล่ะ ว่าแต่.....เมื่อกี๊นายทำบ้าอะไรฟะ!? "


" ก็แค่ คิดว่า ในเมื่อหาตำแหน่งที่ซ่อนอยู่เท่าไรก็คงไม่เจอ ในเมื่อที่นี่ถูกฝังมามากกว่าสามร้อยปี ดินตะกอนที่นอนก้นอยู่อาจจะกลบตราเวทย์หรือสัญลักษณ์บางอย่างอยู่ก็ได้ ชั้นก็เลยทำความสะอาดมันซะ แล้วก็ดูเหมือนว่าที่ชั้นคาดการณ์จะถูกด้วย" อคอเรียสชี้ที่พื้นดินที่พวกเขากำลังยืนอยู่



พื้นดินที่เต็มสภาพไปด้วยโคลนก่อนหน้านี้ ถูกสายลมพัดออกไปจนเหลือแต่ผืนดิน เขตวงเวทย์ขนาดใหญ่กางอยู่บนพื้นถ้ำ




" ค่ายวงเวทย์สามชั้นซะด้วย " อคอเรียส มองดูวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่วาดไว้เต็มพื้นที่ของถ้ำ แสงสีเงินของเวทย์เรืองรอง ราวกลับต้อนรับผู้ที่เข้ามา ร่างเล็กหยิบขวดของเหลวสีแดงออกมาจากเป้สะพายหลัง แล้วส่งให้ ดาลัส ร่างสูงเดินไปที่วงเวทย์เล็กที่เชื่อมต่อกันอยู่ โดยหยดของเหลวสีแดงลงไปในวงเวทย์ของแต่ละวงจนครบทั้งแปดวง ทั้งคู่ยืนอยู่กลางวงเวทย์โบราณโดยที่อคอเรียส เริ่มโปรยเกร็ดดาว ให้รอบวงแล้วเริ่มร่ายคาถา วงเวทย์สีเงินเปล่งแสงรับกับเสียงร่ายเวทย์ของอคอเรียส จนสีเงินรอบๆวงเวทย์เริ่มกลายเป็นสีขาว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแสงสีขาวกลืนเข้าไปหมด ไม่เว้นแม้แต่พวกเขาเอง



" ดาลัส!! ตื่น!"





" งึมงำ...อืม...ขออีก 5 นาที.."





" โป้ก!!" มะเหงกลูกใหญ่ผ่าลงกระหม่อมของดาลัสได้อย่างพอดี เจ้าตัวถึงกับน้ำตาเล็ดก่อนจ้องผู้ประสงค์(ไม่หวังดี) อย่างกินเลือดกินเนื้อ




" อะไร"





" เรามาถึงแล้ว"





" หา!!!???" ดาลัสจ้อง อคอเรียสอย่าง งง ก่อนจะเริ่มมองดูบรรยากาศรอบตัว พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางป่าลึก มีเพียงแสงดาวกระพริบต้อนรับ





" เฮ้ย!!!??? เมื่อกี้ เรายังอยู่ที่ถ้ำอยู่เลยนี่ แล้วทำไม?"





" มันเป็นเวทย์โบราณน่ะ ใช้เคลื่อนย้ายวัตถุ ตอนนี้มันคงส่งพวกเรามาถึงที่หมายแล้วล่ะ"





" หมายความว่า...."



" ใช่! ที่อยู่ของเจ้าหญิงอมตะ"



อคอเรียส กับ ดาลัส แยกกันสำรวจหา แบ่งแยกเขตกัน โดยทั้งคู่จะใช้ พุสัญญาน เป็นการบอกที่อยู่ของตัวเอง ร่างเล็กร่ายมนต์กางอาณาเขตป้องกันให้ดาลัสกับตัวเอง เผื่อกรณีเจอสัตว์ประหลาดอย่างน้อยก็สามารถป้องกันได้ระดับหนึ่ง



เวลาผ่านไปไม่นานนัก เขาก็ได้สัญญานจาก ดาลัส



มันเป็นโบสถ์เก่าๆที่หลังคาโบสถ์พังลงมาแล้ว ดาลัส รอ อคอเรียสอยู่ที่ด้านหน้าของโบสถ์ รอเวลาที่ร่างเล็กจะมาสมทบกับเจ้าตัว นัยน์ตาสีแดงเลือดมองเข้าไปภายในโบสถ์โลงศพสีดำขนาดใหญ่ ถูกวางอยู่กลางโบสถ์ หน้าโลงศพมีดอกไม้ประดับที่แห้งเหี่ยวมานานนับศตวรรษ เจ้าตัวกลืนน้ำลายเอื้อก! หวังเพียงว่าภายในโลงคงจะเป็นสาวสวยปิ้งมากกว่าซอมบี้แห้งกรังนะ ผีคือสิ่งที่เขากลัวเป็นอันดับสอง (TOT) อ้ากก.กก ก็เค้ากลัวนี่ (น่าน..-.- ออกอาการแต๋วแตก..)
aria
aria
Admin

จำนวนข้อความ : 70
Join date : 27/03/2010

http://otaku-lb.iowoi.org

ขึ้นไปข้างบน Go down

Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ Empty ปะทะซอมบี้

ตั้งหัวข้อ  aria Sun Jul 25, 2010 8:33 pm

ผมเดินวนรอบอย่างกล้าๆกลัว พลางนึกถึงเจ้าคนที่ยังไม่มาซักที มันเดินไปถึงใหนกันฟะ? แต่แล้วเสียงๆหนึ่งก็ทำเอาหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เพราะเสียงนั่นมันมาจากข้างในโรงศพ




แกรก...... ครืด....ด...ด..





เสียงฝาโรงเลื่อนออกมาช้าๆ เพิ่มความสยองขวัญยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นนิ้วมือที่แห้งจนติดกระดูกโผล่ออกมา



" ว้ากกกกกกกกกกกก.กกกกก..กก.ก........................."



ดาลัสถึงกับแหกปากลั่น ขนาดนิ้วยังแห้งกรังแบบนี้แล้วส่วนอื่นมันจะสยองขนาดใหน ยัยนี่ กลายเป็น ราชินีซอมบี้ไปแล้วนี่หว่า


อคอเรียส ที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา ได้ยินเสียงเสียงเจ้าตัวดีแหกปากลั่น จ้ากๆ เจ้าตัวก็รีบวิ่งเข้าไปในโบสถ์ทันที แต่ไม่ทันจะก้าวเข้าไปก็ถูกแรงมหาศาลผลักดันออกมาจนร่างเล็กลงไปนอนกับพื้น



" ตาข่ายเวทย์???"





" help me ๆๆ!!! "



" ดาลัส นายต้องจัดการเองแล้วล่ะ ชั้นเข้าไปไม่ได้ "





"ว่าไงนะ!! ไอ้บ้า นายมาช้า ซอมบี้จะฆ่าชั้นแล้ววว.วว....."



" เจ้าหล่อนอาจคิดว่านายเป็นศัตรุก็ได้!! ลองหว่านล้อมดูก่อนขอเวลาชั้นคลายอาคมซักสองสามนาที นายถ่วงเวลาไปก่อนละกัน"




" เร็วๆนะเฟ้ย!! " เสียงตะโกนก้องกลับพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนองเจ้าตัวที่ร้องอย่างขยะแขยง



ร่างเนื้อเปื่อยลุกขึ้นมาจากโลง ใบหน้าที่แห้งไปฟากนึงหันมามองดาลัสอีกฟากของใบหน้านั้นเนื้อที่เปื่อยหลุดจนเห็นกระโหลก เด็กหนุ่มแทบจะตะโกนไม่ได้ภาษา แต่สติก็ยังคงข่มเอาไว้ เพราะถ้ารอดชีวิตจากตรงนี้ได้ เจ้าอคอเรียสมันคงเอาท่าทางหวาดกลัวของเขาไปล้อตลอดชีวิตแหงๆ



" วะ...หวัดดี..คร้าบ....บ.บ แฮะ..แฮะๆ พี่สาว..คนสวย.."



ดาลัสพูด รอยยิ้มเจื่อนปรากฏบนใบหน้า เจ้าตัวพยายามคุยถ่วงเวลาให้มากที่สุด แม้เขาจะไม่รู้ว่ายัยซอมบี้ลืมหลุมนี่จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ ทั้งๆที่อยากจะวิ่งออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดแต่ขามันดันแข็งจนขยับไม่ได้ซะงั้น ร่างของซากศพหยุดนิ่งต่อหน้า ดาลัส นัยน์ตากลวงโบ๋มองใบหน้าของร่างโปร่ง ก่อนที่จะเริ่มขยับขากรรไกรของตัวเองออกกว้าง ก่อนจะพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว




" แย้กกก..กก...กก.ก..ก. อี๋!!!! ปล่อยตูนะโว้ย!!"




นิ้วมือที่มีแต่กระดูกจับหมับเข้าที่คอเสื้อของเด็กหนุ่ม ดาลัสสะบัดข้อแขนให้หลุดแล้วตวัดเตะซากร่างตรงหน้าทันที แรงปะทะของเท้าส่งผลให้ลูกตาที่เหลืออยู่อีกข้างหลุดติดมาอยู่ที่ปลายรองเท้าของเขาด้วย



" แว้กก.กก.กกกก.กก ไอ้ อคอเรียส ถ้า เมิงไม่มาภายใน 1 นาที ตูจะไม่คบเมิงเป็นเพื่อนแน่ "


ตูม!!!!!!!!! เสียงระเบิดดังขึ้นข้างๆตรงที่ ดาลัสยืนอยู่ แรงระเบิดทำเอาเศษอิฐที่กระเด็นออกมา กระแทรกเข้าที่ซากร่างเน่า กระเด็นออกไป




" แค่กๆๆๆอะไรฟะเนี่ย!?"



" ไง มาทันใหม???" ใบหน้าขาวยื่นเข้ามาเกือบติด ดาลัส แรงระเบิดทำเอาแว่นตากระเด็นตกไปแตก เผยให้เห็นใบหน้าที่ติดจะออกหวาน แต่สีหน้าเรียบเฉยของเจ้าตัวก็ยังคงควบคุมเป็นอย่างดี ทำเอาความน่ารักลดหายไปหมด



" เออ! ทัน ทันเกือบที่จะบี้ฉันให้เละอ่ะดิ ถ้าเมื้อกี้ชั้นยืนอยู่จุดนั้นคงไม่เหลือซากแล้ว"




"งั้นเหรอ? น่าเสียดายจัง"




" เฮ้ๆ!! เสียดายอะไร"





"ความลับ"





กี้ด!!!!!!!!!.................... ซากร่างส่งเสียงร้อง ปากที่ขากรรไกรหลุดส่งเสียงแหลมออกมาอย่างไม่พอใจ ที่จู่ๆ ร่างของคนตรงหน้าก็เข้ามาขัดขวาง แถมไม่สนใจมองเจ้าหล่อนด้วย ร่างที่เน่าเปื่อยเริ่มตรงเข้ามาหาดาลัสอีกครั้ง เศษอิฐที่กระเด็นใส่บาดช่องท้องลึกจนใส้เน่าๆ ร่วงลงมา กลิ่นเหม็นตลบอบอวนชวนอ๊วกเป็นที่สุด



" แย้กกกกกกๆๆ วิ่งเข้ามาอีกแล้ว อคอเรียส บอกฉันทีเถอะ ว่านี่ไม่ใช่ยัยเจ้าหญิงอะไรนั่นน่ะ สยองโว้ย!!!"



" ก็ไม่ใช่น่ะสิ" ประกายไฟเกิดขึ้นที่มือของ อคอเรียส ก่อนจะกลายเป็นเปลวเพลิงลูกใหญ่พุ่งตรงไปที่ซากร่างของหญิงสาว มันร้องอย่างโหยหวนแต่ร่างเน่าก็ยังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา กลิ่นเนื้อใหม้กับภาพชวนอ๊วกทำเอา ดาลัส อยากขย้อนของเก่า ถ้าเจ้าตัวไปติดอยู่ในสถานการณ์ชวนสยองขวัญนี้ด้วยอ่ะนะ




" แหยะ!! กลายเป็นซอมบี้ย่างไปแล้ว แล้วเมื้อกี้หมายความว่าไง อคอเรียส ที่ว่าไอ้นั่นมันไม่ใช่เจ้าหญิงอมตะน่ะ"




" เวทน่ะ กลิ่นเวทมนต์ลอยหึ่งขนาดนั้น เวทย์บงการศพแหงๆ นายก็เป็นนักดาบเวทย์ก็น่าจะรู้ไม่ใช่รึ"




" ไม่รู้อ่ะ คนมันถนัดเรื่องกำลังมากกว่าการใช้สมองนี่(น่าน..ยอมรับตัวเอง) โธ่.. รู้งี้ฟันให้ยับตั้งแต่แรกก็จบเรื่องแล้ว ไม่เสียเวลามาเล่นวิ่งไล่จับกันแบบนี้หรอก"




" เอาล่ะ! ตอนนี้ชั้นว่า เรามาหาคนๆนั้น กันก่อนดีกว่าใหม ผู้บงการศพน่ะ ดูอยู่ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ออกมาเผยตัวกันดีกว่าใหม?"



เมื่ออคอเรียสพูดจบซากศพอีกหลายสิบตนต่างดันตัวเองขึ้นมาจากตื่นโบสถ์ในสภาพชวนฝันร้าย ร่างเล็กบ่นงึมงำแต่ ดาลัส จับใจความได้ว่า 'ยุ่งยาก' พลังลมหมุนวนรอบฝ่ามือของอคอเรียสจนกลายเป็นพายุขนาดย่อมซัดเข้าใส่พวกผีดิบให้กระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่พวกซากศพก็ลุกขั้นมาใหม่แถมจำนวนยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว เจ้าตัวผ่อนลมหายใจอย่างหงุดหงิดพลางเหลือบมองคนข้างตัวที่ดูเหมือนจะช็อคไปกับจำนวนผีลืมหลุมจนขากรรไกรแทบค้าง



" อี๋...นี่มันไม่ใช่วันฮาโลวีนนะเฟ้ยถึงได้มาฉลองวันนรกแตกกันแบบนี้ อคอเรียสขอจัดการให้มันจบๆไปเลยได้ใกม ตูเกลียดผีเฟ้ย!!!!"



" ตามสบาย แต่อย่าเล่นแรงนักล่ะ"


อคอเรียส อนุยาติให้ดาลัสเล่นพวกมันได้ตามใจชอบ มือเล็กเสยเส้นผมสีน้ำตาลทีที่ปรกใบหน้าให้เข้าที่ พลางเดินถอยหลบฉากไปอยู่ด้านหลัง ยังไงในนี้ก็ไม่มีคนที่เขาหาอยู่ด้วย ให้ ดาลัส จัดการให้จบๆไปเลยเป็นการดี แล้วค่อยหาตัวบงการทีหลังก็ได้

เจ้าตัวเดินมาอยุดอยู่ตรงประตูทางออกของโบสถ์ พลางร่ายเวทมนต์สร้างแว่นตาขขึ้นมาใหม่แทนอันเดิมที่พังยับไปกับระเบิด ปล่อยให้ร่างสูงยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผีดิบกระหายเลือด

บุรุษที่เคยแหกปากร้องลั่วที่วิ่งไล่จับกับซากศพเมื่อครู่กลับยืนนิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไร้ความหวาดกลัว นัยย์ตาสีแดงเลือดมองจำนวนผีดิบที่รายล้อมด้วยสายตากระหายอยากฆ่า มือที่มีหนอนไชเริ่มฉีกทึ้งแขนของชายหนุ่ม ฟันคมๆฉีกเนื้อของชาสยหนุ่มอย่างไม่ปราณี กัดมัน!! ฉีกมัน!! กระชากมัน!! ฝูงซอมบี้ทะลักเข้าหาร่างสูงต่างรุมทึ้งร่างของเด็กหนุ่ม แต่ ดาลัสกลับไปทำอะไรเหล่าซอมบี้ซักนิด เขากลับปล่อยเขาพวกมันฉีกเนื้อกลืนกินเขาอย่างกระหาย บ้างเริ่มเยื้อแย่งแขนขา บางตัวไม่ทันใจเริ่มหันมากินกันเอง


อคอเรียสมองภาพตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ร่างเล็กไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวกลับยืนหลับตาพิงผนังสบายๆปล่อยให้พวกซอมบี้เยื้อแย่งเศษเนื้อกันอย่างสนุกสนาน ซอมบี้ตัวอื่นที่ไม่ได้รุมทึ้ง ดาลัส ก็เริ่มเข้ามาโจมตีเด็กหนุ่มบ้าง แต่อาณาเขตแข็งแกร่งที่เจ้าตัวสร้างไว้ก่อนหน้านี้ทำให้พวกซอมบี้ไม่สามารถเข้าไปถึงตัว อคอเรียสได้



" ดาลัส ถ้าได้ตัวแล้ว นายก้เลิกเล่นได้แล้วล่ะ จัดการให้มันจบๆไปซะ" อคอเรียสพูดกับร่างสูง ดาลัสมองเด็กหนุ่มริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดยิ้มแสยะ ก่อนจะเปร่งเสียงที่ฟังประหลาดไปทั่วโบสถ์



"รับทราบครับ เจ้านาย"


น้ำเสียงเอ่ยอย่างยั่วเย้า ซอมบี้ที่รุมร่างเขาอยู่นั้นต่างพากันสะดุ้งโหยง นัยน์ตากลอกเหลือกไปมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนกลิ้งไปกับพื้นอย่างทุรนทุราย ร่างเน่าเริ่มกลายสภาพเป็นหินแข็ง ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวอื่นๆที่รายล้อมอคอเรียสอยู่ถูกสายลมที่มองไม่เห็นเฉือนเนื้อเน่าของซากร่างหลุดเป็นชิ้นๆกองกับพื้นก่อนสลายเป็นเถ้าธุรี เหลือเพียงอคอเรียสกับเด็กหนุ่มร่างโชกเลือดดาลัส ที่ยีนยิ้มโชว์ฟันที่ย้อมด้วยเลือด แถมยังดิ้นส่ายตูดไปมาอย่างน่าถีบ



" ดาลัส เลิกเล่นตัวดัมมี่ของนายแล้วออกมาซะที เรามาทำงานรู้ไหม"


นัยน์ตาสีเขียวมรกต มองไปที่ร่างโชกเลือดที่เนื้อต้นแขนแหว่งจนเห็นกระดูกท้องทะลุเป็นรูจนลำไส้ทะลักออกมานอกพื้นไม่ต่างกับซากเหล่าซอมบี้ซักนิด ยังคงดิ้นส่ายตูดอย่างเมามัน



" คร้าบ... เลิกเล่นก็ได้ อย่าโมโหน่า อคอเรียส เดี๋ยวไม่สวยนา.."


เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงพูด ร่างสูงเดินออกมาจากช่องประตูลับที่อยู่ทางด้านห้องสารภาพบาปพร้อมโชว์สิ่งที่อยู่ในมือ อัญมณีสีฟ้าใสส่องประกายตรงแกนกลางมีเครื่องหมายไม้กางเขนสีแดงกลับหัว นัยต์ตาตวัดมองไปที่ร่างโชกเลือดที่ยืนซ่ายก้นโชว์แถมเต้ะท่ายิ้มให้เขา



“ Uilsi sepfi peij e yi ” ภาษาโบราณที่มนุษย์ไม่สามารถจะออกเสียงได้ดาลัสกลับร่ายออกมาได้อย่างไหลลื่น ปลายนิ้วเรียวจรดที่หว่างคิ้วก่อนที่จะนำปลายนิ้วนั้นไปแตะร่างของดาลัสที่โชกเลือดร่างเพียงแค่ปลายนิ้วปลายนิ้วประทับลงไปร่างๆนั้นก็สลายกลายเป็นละอองสีขาวจางก่อนจะถูกดูดเข้าไปในร่างของเด็กหนุ่ม



“ เฮ้อ...ไม่คิดเลยว่าตัวการทั้งหมดจะเป็นไอ้นี่” ร่างสูงควักเพชรเม็ดงามออกมาจากกระเป๋า อัญมณีสีฟ้าเข้มขนาดเท่าฝ่ามือลอยอยู่บนมือของดาลัส ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่าที่ตรงกลางของอัญมณีเพชรงามนี้ มีรูปดาวหกแฉกอันสัญลักษณ์ทางเวทมนต์ติดอยู่ด้วย



“ เพราะตัวการเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตนี่เอง ถึงได้ควบคุมพลังได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดาใช้มนต์ควบคุมศพนานขนาดนี้ ป่านนี้คงเหนื่อยแทบกระอักเลือดแล้ว”



ดาลัส โยนเพชรเม็ดงามเล่นพลางยิ้มอย่างภูมิใจ ในบรรดาเวทย์ทั้งหลายที่แสนจะห่วยแตกของเขามีแต่เวทย์สลับมนตรา
นี่แหล่ะที่เขาภูมิใจที่สุด แกล้งล่อให้พวกซอมบี้มาติดที่ร่างแยก ก่อนที่ตัวจริงจะแอบเข้าไปหาทางลับที่ถูกซ่อนอยู่ แหม่..เขาก็หัวดีเหมือนกันนะเนี่ย ถึงแม้ความจริงก็คือ เขาขยะแหยงพวกผีลืมหลุมนี่ก็เลยใช้เวทพลางตัวพร้อมส่งร่างแยกไปล่อแล้วกะจะหาทางหนีแต่ดันร่วงลงมาตรงทางลับนี่พอดีก็เหอะ



“ บลูไดมอน ดีซีฟ อัญมณีลวงตานี่เอง”



“ ใช่ ตอไปก็หน้าที่นายแล้วนะ อคอเรียส เพราะชั้นไม่ถนัดเรื่องวิเคราะห์”



ร่างสูงพูดยิ้มอย่างรู้ทันสีหน้าคนที่พึ่งถูกโยนภาระเข้าใส่ หัวคิ้วเล็กๆขมวดเข้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาจ้องเจ้าคนที่พึ่งผลักภาระมาให้



“นายมันเจ้าเล่ห์ ดาลัส”



“ ถ้าชั้นเจ้าเล่ห์นายก็เหลี่ยมจัด อคอเรียส”



ไม่ทันที่การสนทนาจะจบอัญมณีเม็ดใหญ่ก็ส่องประกายเจิ้ดจ้า บลู ไดมอน ส่องประกายแสงสีเงินแสบตาแต่ก็นุ่มนวล ทำให้รู้สึกว่าจะละสายตาไม่ได้ ทั้งสองจ้องมองปฏิกิริยา การเปลี่ยนแปลงของมันอย่างใจระทึก แสงสีเงินพุ่งตรงไปที่ไม้กางเขนที่ประดับอยู่เหนือรูปปั้นเทพธิดา สีขาวเหลื่อมของไม้กางเขนค่อยๆเปลี่ยนกลายมาเป็นสีน้ำเงินเข้มแบบเดียวกับอัญมณี ดูราวกับมันดูราวกับมันได้ดูดซับแสงสีเหล่านั้นเข้าไป พร้อมฉายภาพวัตถุๆหนึ่งออกมา อัญมณีหยดน้ำสีดำปราดปรากฏขึ้นเหลือกางเขนเงิน มันค่อยๆลอยออกมาจนพ้นไม้กางเขนก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดเท่าตัวคน มันลอยคว้างอยู่กลางอากาศพร้อมปล่อยแสงสีทองเรืองรองบางๆ



“ อึ๊ย!!! อย่าบอกนะว่าเจ้าหญิงอมตะนั่น คือเพชรเม็ดเป้งนี่นะ เรามาหาเบาะแสแก้คำสาป ไม่ได้มามองหามหาสมบัตินะเฟ้ย!!”



“ ทำไมล่ะ ดาลัส นายก็ไม่ค่อยมีเงินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเอาไปขายชั่วชีวิตก็ใช้เงินไม่หมดหรอกนะ”



“ เลิกพูดเล่นได้แล้วไม่ตลกเลยนะเฟ้ย!”



“ ก็ได้ เพชรที่อยู่ตรงหน้านี้มีนไม่ใช่เพชรจริงๆหรอก มันคือมนต์คำสาปชนิดหนึ่งที่มีผลทั้งต่อผู้ถูกสาปและและผู้สาปเป็นมนต์โบราณที่ต้องแลกกับชีวิตของผู้ใช้เอง ‘เธอ’ อยู่ในนั้นแหล่ะ แต่ปัญหาก็คือชั้นไม่รู้วิธีแก้มนต์โบราณบทนี้ บางทีเราอาจจะต้องนำมันไปหาทางแก้คำสาปทั้งๆแบบนี้น่ะแหล่ะ”



“ห๊า... จะให้ขนไปทั้งเป็นก้อนแบบนี้อ่ะนะ มีหวังคนได้แตกตื่นตาย” ดาลัสพูดพลางจินตนาการตอนที่พวกเขาแบกไอ้นี่กลับหอพักไปด้วย แค่คิดถึงก็เริ่มสยองขวัญแล้ว ดีไม่ดีก่อนที่พวกเขาจะพามันไปถึงที่พัก อาจจะโดนปล้นไปก่อนแล้วก็ได้
aria
aria
Admin

จำนวนข้อความ : 70
Join date : 27/03/2010

http://otaku-lb.iowoi.org

ขึ้นไปข้างบน Go down

Chaotic The most wondrous of Monter อลวนป่วนก๊วนปีศาจ Empty ล่อลวง

ตั้งหัวข้อ  aria Sun Jul 25, 2010 8:36 pm

[size=12]นัยน์ตาสีเพลิงมองไปทางอัญมณีเม็ดยักษ์ รัศมีสีทองรอบๆเปร่งแสงแรงขึ้นราวกับจะปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างใน อคอเรียสคว้าข้อมือเด็กหนุ่มทันทีเมื่อเห็นดวงตาเริ่มมีประกายวาววับอย่างนึกสนุกก่อนจะส่งสายตาเชิงดุไปให้





อย่าทำอะไรโดยที่ไม่รู้แน่ชัดดีกว่า ถ้านั่นเป็นคำสาปล่ะก็ พวกเราจะเดือดร้อน นายอาจจะกลายเป็นตัวอะไรไปอีกก็ได้





...วาบ....





เฮ้ย!!!?” ดาลัสร้องเสียงหลงทันที เมื่อจู่ๆอัญมณีสีดำสนิทกับส่งออร่าสีฟ้าเข้มสาดเข้าตัวพวกเขาอย่างกะทันหัน แล้วดูดเด็กทั้งสองให้หายไปในความมืดสีดำสนิทนั่น





จ้ากกกก............. ตุบ!!” เด็กหนุ่มผมีดำยุ่งเหยิงควงตีลังกาลงมาก่อนจะลงพื้นด้วยก้นของตัวเอง ดาลัสถึงกับน้ำตาซึมพลางลูบก้นป้อยๆ





อูย...โผล่มาที่ใหนอีกล่ะฟะเนี่ย นัยน์ตาสีแดงกวาดมองสภาพโดยรอบ





..มืด..แฮะ... ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา มืดจริงๆ มืดแบบมืดมิดไม่ใช่ความมืดที่อยู่ตอนกลางคืน แถมไม่มีเสียงอะไรเลยด้วย แม้เขาจะตะโกนลั่นแต่ก็ไม่มีเสียงใดสะท้อนกลับมา เหมือนตนได้อยู่ในอีกมิตินึงก็ไม่ปาน หลังจากที่เจ้าตัวอึ้งไปพักใหญ่ ก็เริ่มทำใจแล้วพยายาม คลำทางไปเผื่อจะเจออะไรซักอย่าง



หมับ! จู่ๆมือหนึ่งก็จับถูกวัตถุอย่างหนึ่ง ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง คิดในใจ ตูจับโดนกับดักรึเปล่าหว่า แต่ก็ไม่วายยังไม่ยอมเอามือออก

นิ่มๆ อุ่นๆ สิ่งมีชีวิตเรอะ? เมื่อไม่แน่ใจมืออีกข้างก็มาจับบ้าง





....อืม...นิ่มๆอุ่นๆ สิ่งมีชีวิตแน่ แต่ทำไมถึงไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองอะไรเลยหว่า?





พรึ่บ!!!! เสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างพร้อมกับแสงสว่างส่องเข้ามาที่ตาของดาลัสอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ภาพตรงหน้าถึงกับมืดไปวูบใหญ่ ก่อนที่สายตาจะปรับแสงส่วาง เผยให้เห็น หญิงสาวดวงหน้าหวานที่มีเรือนผมสีน้ำตาลยาวล้อมกรอบใบหน้าเป็นรูปหัวใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโต มันคงจะดูราวกับเทพธิดาแน่ หากตอนนี้ใบหน้า ของหญิงสาว ไม่ยิ้มด้วยใบหน้าเเหี้ยมเกรียมแบบนั้น



ก่อนจะนึกเอะใจ ได้ว่าทำไมบุคลตรงหน้าถึงได้ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าเขาขนาดนั้น แล้วก็หน้าซีดเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากำลังจับอยู่ พลางภาวนาว่าเขาคงเดาผิดพลาด ก่อนค่อยๆลดสายตาลงมาดูให้แน่ชัด





อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก.................... สิ่งที่นุ่มๆอุ่นๆนั่นคือหน่ม หน๊ม ใช่!! หน้าอก หมอนั่นมันกลายเป็นผู้หญิงอีกแล้ว.....





เหวออออ.... อคเรียส เค้าไม่ได้ตั้งใจน๊า......... เจ้าตัวพูดได้เพียงเท่านี้ ก่อนที่ เสียงร้องสยองขวํญดังท่ามกลางความกลางความมืดมิดอย่างโหยหวน







....................................................

...................................

.....................

..........







อูย....... เบาๆหน่อยก็ไม่ได้ ไอ้ซาดิสเอ้ย....





แค่นี้ยังน้อย ดาลัส ของๆพี่ชั้น ไม่ยอมให้ใครมาล่วงเกินง่ายๆหรอกนะ





ยังไงชั้นก็ไม่ได้ตั้งใจนะเฟ้ย แทนที่จะหยวนๆกันมั่ง





....เออ... คงหยวนให้แน่ถ้าแกปล่อยมือตั้งแต่ตอนที่ไม่ได้ตั้งใจจับครั้งแรกล่ะก็นะ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ตอนที่รู้ว่ามีสิ่งอะไรบางอย่างมาจับหน้าอกเขาก็แทบคลั่งแล้ว ยังจะเอามืออีกข้างมาลูบๆคลำอีก ไอ้จิตวิปริตเอ้ย...



แล้วนี่เราตกลงมาที่ใหนอีกแล้วล่ะเนี่ย





ไม่รู้ แต่ดูท่าทาง สถานที่แห่งนี้ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ กลิ่นอายเวทย์ครุกรุ่นรุนแรงมาก ถึงขนาดทำให้ร่างของชั้นเปลี่ยนได้ แล้วนายล่ะ ถูกผลกระทบนั้นด้วยรึเปล่า



ดาลัสมองดูร่างอันอ้อนแอ้นของอคอเรียสก่อนจะหันมามองตัวเอง ร่างกายบางส่วนของร่างกายเริ่มมีลักษณะใสจนเห็นเส้นเลือดและกระดูกที่เชื่อมโยงต่อกันภายในร่างกาย





ดูท่าจะเป็นเหมือนที่นายว่านะ อคอเรียส





............ยินดีต้อนรับสู่ห้วงแห่งความตาย...............เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นพร้อมกับหมอกมืดที่รายล้อมจนมองไม่เห็นเมื่อครู่ ได้หมุนวนอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นรูปร่างของหญิงสาวนางหนึ่ง





จ้ากกกกกกกกกกก.ก..ก....ก...!!!!!! นี่มันผีตัวยนั้นนี่หว่า ยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเร้อ..อ.อ......อ...





ดาลัสร้องเสียงหลงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเย็นยะเยือกนั้นเป็นใคร ร่างเน่าเฟะลอยขึ้นมาเหนือพื้นน้ำเหลืองและไส้ทะลักย้อยออกมานอกตัว ดวงตากลวงโบ๋ที่ข้างนึงหลุดออกมาแล้วหันหน้ามาตามเสียงอุทานของเด็กหนุ่ม ก่อนจะแสยะยิ้มและลอยเข้ามาหาทันที





... สวัสดี ท่านผู้เฝ้าสมบัติ ตอนนี้ผมคิดว่าเราได้ผ่านปริศนาทั้งหมดมาได้แล้ว ท่านควรจะมอบสมบัตินั้นมาให้เรา โดยดีจะดีกว่านะครับ ว่ายังไง





ฮึ่ย! ไอ้บ้า นายไปพูดขู่เค้าทำไมฟร้า เดี๋ยวก็ได้เจอ หวีดหลอน สยองหรอก ชั้นไม่เอาด้วยนะโว้ยยย.ย





ข้ามอบให้ได้ก็ต่อเมื่อสมบัตินั้นยอมรับท่านด้วย ท่าท่านกล้าพอ เชิญ!”



ผีสาวยิ้มแสยะให้อีกครั้งก่อนจะสลายไปรวมเข้ากับหมอกดำ เหลือเพียงเด็กหนุ่มทั้งสองเท่านั้น

....ตึก......

............ตึก.........

..ตึก..................ตึก..ตึก..ตึก..ตึก!ตึก!ตึก!ตึก!





สะ..เสียงอะไรฟร้า.. อคอเรียส





คงไม่ใช่เสียงหมูสับหรอก





แอ้ฟ!! อย่ามาทำเป็นพูดตลกหน้าตายนะเฟ้ย เพราะนายน่ะแหล่ะ ดั้งด้นเข้ามาหาไอ้สมบัตินี่ให้ได้ ถ้าเจอพวกมังกร กองงทัพพ่อมด หรือมอนสเตอร์อะไรพวกนี้ชั้นไม่ว่าเลยนะโว้ย แต่กองทัพผีดิบแบบนี้ ถ้ามีอีก ชั้นไม่เอาด้วยแล้วนะเฟ้ย





เอาน่า ถือซะว่า เป็นยาแก้โรคกลัวผี ของนายก็แล้วกัน เพราะบางทีคราวหน้าเราอาจจะต้องเจออะไรที่มากกว่านี้ก็ได้ ร่างเล็กพูดพลางแสยะยิ้มสยองให้กับดาลัสที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ห่างกันนัก ก่อนจะถีบผู้ร่วมชะตากรรมเข้าไปในกลุ่มควันที่มืดมิดทันที





อ้ากกกกกกกกกก.ก..ก.....ก...... จำไว้เลยนะเฟ้ย ไอ้บ้าอคอเรียส......
aria
aria
Admin

จำนวนข้อความ : 70
Join date : 27/03/2010

http://otaku-lb.iowoi.org

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ